นิทานอีสป เรื่อง ปลาโลมากับสิงโต
ครั้งหนึ่ง" ปลาโลมากับสิงโต 'ได้ตกลงดื่มน้ำรวามสาบานเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายต่อกัน
ครั้นวันหนึ่งสิงโตมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับควายป่า จนถึงขั้นต่อสู้กัน
ดังนั้นสิงโตจึงวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ชายหาดหาโลมาเเล้วร้องว่า
"โลมาเพื่อนยาก ถึงคราวที่ท่านต้องทำตามสัญญาเเล้ว ไปช่วยข้าสู้กับควายป่าด้วยเถิด"
เเต่ปลาโลมาต้องปฏิเสธเพราะไม่สามารถขึ้นมาบนบกได้ "เพราะว่าโลมานั้นเป็นสัตว์น้ำ จะขึ้นบนบกก็ขาดใจตายเป็นแน่" เเม้ว่ามีน้ำใจอยากจะช่วยมิตรสหายเพียงใดก็ตาม
"โธ่เอ๋ย! ปลาโลมาเพื่อนทรยศ ไม่สมกับเป็นเจ้าเเห่งทะเลเลย"
สิงโตบ่นว่าเพื่อนร่วมสาบาน ปลาโลมาจึงว่า
"ก็เพราะข้าเป็นใหญ่ในน้ำน่ะสิ ขึ้นบกไปเเล้วข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ทำไมท่านไม่เข้าใจเลย"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "จะขอให้ใครช่วย ควรดูความถนัด"
นิทานอีสป เรื่อง วัวกับเเมลงหวี่
เป็นเรื่องของวัวกับแมลงหวี่ท้าสู้กัน วัวนั้นเป็นสัตว์ตัวใหญ่
เเละก็มีพละกำลังมิใช่น้้อย เเต่เมื่อสัตว์ตัวน้อยกระจ้อยร่อย อย่างเเมลงหวี่มาก่อกวนท้าทาย เเทนที่จะวางตนนิ่งเฉยไม่ยุ่งด้วย แต่วัวกลับไม่ยอมให้กับเเมลงหวี่ที่คุยข่มตน จึงท้าสู้กัน ถ้าใครชนะก็เเสดงว่าผู้นั้น ยิ่งใหญ่กว่า เมื่อวัวตอบตกลง เเมลงหวี่ก็บินตอมวนเวียนอยู่รอบๆ เขาเเละเหนือศีรษะของวัว ในขณะที่วัวไม่สามารถจะ ขวิดเเมลงหวี่หรือทำอะไรเเมลงตัวน้อยๆ ได้เลย วัวได้เเต่อับอายขายขี้หน้าบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ที่มามุงดูกันเป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น นิทานอีสเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าวางตนนิ่งเฉยไม่วุ่นวายกับสิ่งที่ไม่คู่ควร ก็ไม่ต้อง อับอายเปลืองตัว
นิทานอีสป เรื่อง เทียนแข่งแสง
เมื่อเทียนไขถูกจุดใช้จนใกล้จะหมดเเท่งนั้น เเสงของเทียน มักจะยิ่งสว่างเรืองรอง
ขึ้นกว่าเดินหลายเท่านัก ด้วยเหตุนี้เทียนเเท่งหนึ่งจึงคุยอวดกับเจ้าของว่า "เเสงเทียนของข้านั้นสว่างกว่าเเสงดาว เเสงจันทร์ เเละเเม้กระทั่งเเสงอาทิตย์ด้วยนะ" ทันใดนั้นเองกระเเสลมก็พัดผ่านมาวูบหนึ่ง เเล้วเเสงเทียนดับ วูบลง เจ้าของจึงจุดเทียนขึ้นใหม่เเล้วกล่าวว่า "เเสงอาทิตย์ เเสงจันทร์ เเละเเสงดาวนั้นยากที่จะดับ เเละไม่ ต้องมีใครจุดให้ เเต่เทียนอย่างเจ้านั้นต้องมีคนจุดจึงจะมีเเสง เเละเจ้าก็มีวันดับมีวันหมดเเสง" นิทานอีสปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทำหน้าที่ของตนอย่างเจียมตน จึงดูมีคุณค่าน่าไปเปรียบเทียบ เเข่งขันกับผู้อื่น จึงเเกล้งถามด้วยอุบายว่า "ท่านไก่ ท่านขันเสียงไพเราะเหมือนผู้เป็นพ่อ ได้หรือไม่ " ส่วนไก่บ้านหลงกล จึงหลับตาโก่งคอขันทันที สุนัขจิ้งจอก จึงฉวยโอกาสงับคอไก่เเล้วพาวิ่งไป ชาวนาจึงตะโกนร้องว่าจิ้งจอกขโมยไก่ของตน ไก่จึงหลอกให้สุนัขจิ้งจอกร้องบอกชาวบ้านว่า "ไก่ตัวนี้เป็นของมันมิใช่ของชาวบ้าน" จิ้งจอกเจ้าเล่ห์คิดว่าตนฉลาดเเต่ที่เเท้ยังขาดความเฉลียว ดังนั้นมันจึงอ้าปากร้องบอกชาวบ้านตามที่ไก่เเนะนำ ไก่จึงได้ทีรีบบินปรื๋อออกจากปากหนีไปหาเจ้าของอย่างรวดเร็ วเเล้วก็หัวเราะเยาะ สุนัขจิ้งจอกเป็นการใหญ่ ที่หลงกลอ้าปากปล่อยตัวเอง นิทานอีสปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าพูดมากไป ก็อาจทำให้เสียของดีๆ ที่อยู่ในกำมือเเล้ว ได้เช่นกัน ![]() นิทานอีสป เรื่อง สามีผู้ใจดี ชายคนหนึ่งมีภรรยาสองคน เขามักตามใจภรรยาทั้งสอง อยู่เสมอ เพราะความรักอันเต็มเปี่ยมภรรยาสาวนั้น อยากให้สามีวัยกลางคนดูหนุ่มเเน่นตลอดเวลา จึงถอนผมหงอกออกเสมอ ฝ่ายภรรยาที่อายุมากก็อยากให้ สามีดูมีอายุเหมือนตน จึงคอยถอนผมดำออกไปเพื่อให้เหลือเเต่ผมหงอก วันหนึ่งสามีไปส่องกระจกเห็นตัวเองมีศรีษะล้านเลี่ยน " ก็ต้องร้องลั่นบ้าน ด้วยความตกใจสุดขีด " นิทานอีสเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้ที่ตามใจคนอื่นจนเกินไป ก็สิ้นความเป็นตัวเอง |





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น